ไนล่อน (Nylon) หรือพลาสติก PA คืออะไรกันนะ

ไนล่อน (Nylon) คืออะไร ?

ไนล่อน (Nylon) หรือ Polymide(PA) เป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี ค.ศ. 1928 โดย Wallac H. Carothers โดย พลาสติก PA ที่ได้รับการค้นพบเป็นชนิดแรกคือ Nylon 66 (PA66) และปัจจุบันก็ได้รับการพัฒนามาโดยตลอด จนเริ่มมาใช้ในทางการค้าในปี ค.ศ. 1938 โดยเลือกผลิตมาเป็นแปรงสีฟัน และในปัจจุบันนี้ก็ ไนล่อนก็เป็นวัสดุที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น สิ่งทอ ยานยนต์ ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา และอื่นๆ อีกมากมาย

คุณสมบัติสำคัญของ พลาสติกไนล่อน

1. ตัวพลาสติกจะมีลักษณะใส เมื่ออยู่ในสภาพฟิล์ม และเมื่อนำมาขึ้นรูป จะทึบแสง และมีสีขาว

2. ไม่เป็นอันตราย รวมถึงไม่มีกลิ่น และรสชาติ

3. เป็นพลาสติกชนิดที่ทนความร้อนสูงได้ดี ใช้งานได้ถึง 120°C และยังมีจุดหลอมเหลวที่ 180 - 200°C

4. แข็งแรงและเหนียว ทนต่อแรงกดทับ แรงดึง ได้ดี

5. มีความทนทานต่อการกัดกร่อน และการเสียดสี ไม่เสียรูปทรงได้ง่าย

6. ทนต่อแรงกระแทก บีบอัดด สึกหรอ และรอยขีดข่วน

7. มีความยืดหยุ่น และทนต่อการบิด พับงอได้เป็นอย่างดี

8. ดูดซับความชื้นได้น้อย

9. สามารถขึ้นรูปได้ง่าย

10. ทนต่อการกัดกร่อน ป้องกันการซึมผ่านของของเหลว ไขมัน ออกซิเจนและกลิ่นได้ดี

ประเภทของไนล่อน (PA)

1. ไนล่อน 6 (PA6) และ ไนล่อน 66 (PA66) เป็นไนล่อนที่สามารถพบเห็นได้มาก ใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ด้วยความทนทาน และราคาไม่สูงมาก

2. ไนล่อน 11 (PA11) เป็นพลาสติกที่ผลิตด้วยวิศวกรรมชีวภาพ โดยมีน้ำมันระหุ่งเป็นส่วนประกอบในการผลิต เป็นพลาสติกชนิดที่ดูดซับของเหลวได้น้อยที่สุด แต่ทนความร้อนได้น้อยกว่าไนล่อนชนิดอื่น

3. ไนล่อน 12 (PA12) เป็นพลาสติกที่มีโครงสร้างเป็นแบบผสม มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ ไนล่อน 11

4. ไนล่อน 6-10 (PA 6-10) เป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรง ทนต่อการเสียดสีและสารเคมีได้ดี และยังทนต่อรังสีพลังงานสูง เช่น รังสีแกมม่า และรังสีเอ็กซ์ได้ดี

5. ไนล่อน 46 (PA46) เป็นพลาสติกที่มีความทนทานสูงมาก และทนความร้อนได้ดีที่สุดในตระกูลพลาสติกไนล่อน แต่มีความสามารถในการดูดซึมของเหลวได้สูงที่สุดของไนล่อนเช่้นกัน และไม่ทนต่อกรด

6. พอลิฟธาลาไมด์ (PPA) เป็นไนล่อนอีกชนิดที่มีความแข็งแรง ดูดซึมของเหลวได้น้อย ทนอุณหภูมิได้ดี แต่การป้องกันการลามไฟได้น้อย

อุตสาหกรรมที่มักจะนำไนล่อนไปใช้

1. อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ท่อร้อยสายไฟ เคเบิ้ลแกลน

2. อุปกรณ์กีฬา เช่น รองเท้ากีฬา

3. แพคเกจสำหรับบรรจุอาหาร

4. อุตสาหกรรมยานยนต์

5. อุตสาหกรรมสิ่งทอ เช่น เสื้อผ้า

6. เครื่องพิมพ์ 3D

7. ท่อน้ำ ท่อลม